จุดประสงค์ : การจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพต้องทำอย่างไร
(น.ส.กุลพัชร ภูเฮืองแก้ว)
การสอนที่มีประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
มีองค์ประกอบที่ควรคำนึงถึง ดังนี้
1. การบริหารจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพมีลักษณะดังนี้
1.1) การจัดเตรียมสถานที่ สื่อ
อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนให้มีสภาพที่พร้อมใช้และเพียงพอสำหรับนักเรียนทุกคนในห้อง
1.2) การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการเรียนการสอนที่ดีขึ้นอยู่กับการใช้เวลาในการดำเนินกิจกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ
ครูไม่ควรปล่อยให้มีเวลาว่างหรือเวลาที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์อันเนื่องจากความไม่พร้อมในด้านวัสดุอุปกรณ์และการดำเนินกิจกรรมที่ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า
เพราะความไม่พร้อมจะทำให้เกิดความวุ่นวาย
เสียเวลาในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากและทำให้การดำเนินงานไม่บรรลุวัตถุประสงค์ครูต้องบริหารการใช้เวลาเพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลาเพื่อการเรียนรู้อย่างเต็มที่
2.การจัดการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบคือการดำเนินการเรียนการสอนให้เป็นไปตามลำดับขั้นตอนของรูปแบบการเรียนการสอนที่ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยดำเนินการดังนี้
2.1) เริ่มต้นบทเรียนอย่างมีประสิทธิภาพโดยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจซึ่งทำได้หลายวิธีวิธีที่กระตุ้นกระบวนการคิดและสติปัญญา
ก็คือการสร้างความสงสัย ประหลาดใจให้กับผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมี
ความกระตือรือร้น อยากค้นพบคำตอบเช่น
การนำเสนอข้อมูลหรือความคิดที่ขัดแย้ง
ไม่สอดคล้องกับความรู้ความเข้าใจเดิมของผู้เรียนทำให้ผู้เรียนเกิดข้อสงสัย
กังขาการใช้คำถามที่ส่งเสริมกระบวนการคิด
เป็นต้น
2.2) ดำเนินการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นขั้นที่ครูจัดการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งทิศนาแขมมณี (2555,หน้า120) ได้ให้ความหมายว่า
เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นตัวตั้งโดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับผู้เรียนและประโยชน์สูงสุดที่ผู้เรียนควรจะได้รับและมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้
ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างตื่นตัวและได้ใช้กระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ
อันจะนำผู้เรียนไปสู่การเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงดังนั้นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญจึงมีลักษณะที่สรุปได้ดังนี้
(1) กิจกรรมที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างตื่นตัว
ผู้เรียนเป็นผู้มีบทบาทอย่างเต็มที่และรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง
(2) กิจกรรมที่ท้าทายให้ผู้เรียนกระตือรือร้นในการค้นหาคำตอบ
โดยครูนำเสนอปัญหาและสถานการณ์ให้คิด ครูมีบทบาทช่วยชี้ช่อง
แนะแนวให้นักเรียนเห็นลู่ทางในการแก้ปัญหา
(3)
กิจกรรมที่ให้ผู้เรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพื่อค้นหาคำตอบ
(4)
กิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
มีการร่วมมือและการแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นตลอดจนประสบการณ์ระหว่างผู้เรียนเพื่อปรับเติม
เสริมแต่ง และต่อยอดความรู้
(5)
กิจกรรมที่สร้างความสะเทือนใจ ซาบซึ้ง ประทับใจ ทำให้ตื่นตัวในการเรียนรู้
(6)
กิจกรรมที่ผู้เรียนได้เรียนรู้จากผู้ทรงภูมิปัญญาในท้องถิ่น
(7)
กิจกรรมที่ผู้เรียนได้นำความรู้ไปทดลองใช้แก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ชิ้นงาน
(8)
กิจกรรมที่ผู้เรียนใช้กระบวนการจัดกระทำกับข้อมูลที่ได้รับรู้เพื่อให้เข้าใจและจดจำได้ง่ายและสามารถระลึกได้เมื่อต้องการนำมาใช้
(9)
กิจกรรมที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ในบริบทจริง
ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงบทบาทที่สำคัญของครูในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ได้แก่การเป็นผู้เตรียมการและอำนวยความสะดวกให้เกิดการเรียนรู้ การท
าหน้าที่เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษา เป็นผู้ช่วยเหลือเป็นผู้ให้ข้อมูลย้อนกลับบทบาทของครูที่ส่งเสริมการเรียนรู้ก็คือบทบาทที่ทำหน้าที่เหมือนโค้ชนักกีฬานั่นเอง
คุณลักษณะของครู
คอชัค และเอกเกน (Kauchak &
Eggen, 2007, p. 127) กล่าวว่า ครูที่ดีควรมีลักษณะสำคัญ 3
ประการ คือ มีทัศนคติที่ดีในการสอน มีทักษะในสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และมีทักษะการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ลักษณะดังกล่าวส่งผลต่อประสิทธิภาพของการเรียนการสอน
ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นแนะนาบทเรียน ช่วงตอนกลางของบทเรียน และช่วงปิดท้ายบทเรียน
ดังนั้นคุณลักษณะขอครูจึงมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของนักเรียนในห้องเรียน
1.
ทัศนคติของครูเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นครูที่ดีเพราะทัศคติของครูมีอิทธิพลต่อการสอนและการถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็ก ทัศนคติของครูประกอบด้วยประสิทธิภาพทางการสอนของครู
การเป็นแบบอย่างและความกระตือรือร้นของครู และความคาดหวังของครู
ทั้งสามสิ่งนี้ส่งผลต่อทัศนคติในการสอนของครู (Brunning et al., 2004)
2.ทักษะในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพการใช้ภาษาของครูมีผลต่อความสำเร็จในการเรียนของนักเรียนและความพึงพอใจในการเรียน
การสื่อสารที่ชัดเจนมีองค์ประกอบ 5 อย่าง ได้แก่
2.1) การใช้คำศัพท์ที่สื่อความหมายได้ใช้เจน
โดยครูควรหลีกเลี่ยงการใช้คำที่คลุมเครือเวลาสื่อสารกับเด็กเนื่องจากคำเหล่านั้นทำให้ประสิทธิภาพทางการเรียนของเด็กลดลงและยังแสดงให้เห็นว่าครูเตรียมตัวมาไม่ดี
2.2) การใช้คำเชื่อมประโยคที่เหมาะสม
การสื่อสารที่ดีต้องมีคำเชื่อมที่นำไปสู่ใจความสำคัญของประโยค ค
าเชื่อมที่ถูกต้องจะทำให้ลำดับเหตุการณ์ของประโยคเชื่อมโยงกันอย่างสมเหตุสมผล
2.3) การเชื่อมโยงความคิดในบทเรียน
ครูต้องทำให้นักเรียนเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างความคิดที่หนึ่งและความคิดที่สองโดยการอธิบายความเชื่อมต่อนั้น
2.4) การเน้นย้ำครูควรเน้นย้ำหัวข้อหรือเนื้อหาที่มีความสำคัญหรือโดดเด่นกว่าเนื้อหาอื่น
ๆ เพื่อช่วยให้นักเรียนได้เห็นถึงระดับความสำคัญที่ต่างกันของเนื้อหาในบทเรียน
2.5) ความสอดคล้องของภาษาพูดและภาษากาย
การใช้ภาษากายประกอบการพูดควรเป็นไปในแนวทางเดียวกับสิ่งที่ครูพูด
ภาษากายมีความสำคัญเนื่องจากเด็กสามารถประเมินทัศนคติและความจริงใจของครูได้ผ่านทางการแสดงออกของครู
ดังนั้นเมื่อครูต้องการจูงใจนักเรียน หรือบอกให้นักเรียนทำอะไร
ครูต้องใช้ภาษาพูดและภาษากายที่สอดคล้องกัน
3.ทักษะการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การจัดการเรียนการสอนที่ดีนั้นต้องเริ่มจากการตรงต่อเวลา ครูจำเป็นต้องแบ่งเวลาการท
ากิจกรรมอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต่อกิจกรรมอื่น ๆการเตรียมอุปกรณ์การสอนล่วงหน้าก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง
นอกจากนี้ครูยังต้องสร้างกิจวัตรที่ดีให้กับนักเรียน เช่น เมื่อเด็กเข้ามาในห้องเรียน
เด็กต้องรู้ว่าสิ่งแรกที่ควรทำคืออะไร และเมื่อเลิกเรียนต้องทำอะไร
การจัดการห้องเรียนที่มีระบบจะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ในห้องเรียน
เช่นการสอนไม่ทันและความไม่เป็นระเบียบในห้องเรียน
โดยสรุป
การเป็นครูที่ดีควรเริ่มจากการมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนการสอน
เพราะทัศนคติจะส่งผลต่อการแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ของครู และปฏิสัมพันธ์ของครูต่อนักเรียน ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียนเพราะนักเรียนสามารถรับรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าครูคิดอย่างไรและต้องการอะไรเพื่อที่จะตอบสนองไปตามความต้องการของครูนอกจากนั้นนักเรียนยังยึดถือครูเป็นแบบอย่าง
โดยการเลียนแบบการกระทำ และคำพูดของครู การมีทัศนคติที่ดีจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของคุณลักษณะอื่น
ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น