การสร้าง Learning Object
การสร้าง Learning Object มีขั้นตอนอย่างไร
1. เลือกเรื่องและกำหนดผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
ขั้นตอนแรกในการสร้าง Learning Object คือ
การเลือกเรื่องหรือหัวข้อที่จะนำมาพัฒนาเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผู้พัฒนา Learning
Object ควรตอบตัวเองได้ว่า
ทำไมจึงควรใช้งบประมาณและเวลาที่มีจำกัด ในการพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์เรื่องนี้
หัวข้อที่เลือกสำคัญกว่าหัวข้ออื่นๆ ในหลักสูตรหรือไม่ อย่างไร เช่น
หัวข้อดังกล่าวอาจเป็นแนวคิดพื้นฐานที่จำเป็นในการเรียนรู้แนวคิดอื่นๆ ในสาระวิชา
หรืออาจเป็นเรื่องที่นักเรียนมักมีความเข้าใจผิด
นอกจากนั้น ยังต้องตรวจสอบว่า ลักษณะกิจกรรมการเรียนรู้ในหัวข้อนี้
เหมาะสมสำหรับการจัดการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ อย่างไร
โดยทั่วไปเรื่องที่เหมาะกับการถ่ายทอดผ่าน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่
การศึกษาปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ยากในห้องเรียน เช่น เป็น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต สิ่งที่สังเกตมีขนาดเล็ก
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใช้เวลานาน การทดลองเป็นอันตราย หรือแนวคิดที่เกี่ยวข้องเป็นนามธรรมข้อผิดพลาดที่พบเห็นได้บ่อย
คือ การพัฒนา Learning Object บนพื้นฐานของความสะดวกในการออกแบบและสร้าง
แต่เป็นการจำลองกิจกรรมที่สาธิตหรือทดลองได้ง่ายในชั้นเรียน การผลิต Learning
Objectในลักษณะดังกล่าวจึงเป็นการใช้ประโยชน์จากงบประมาณและแรงงานอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ เมื่อเลือกหัวข้อเรื่องได้แล้ว
การกำหนดผลการเรียนรู้ที่คาดหวังจะช่วยให้สามารถออกแบบและสร้างLearning
Object ในขั้นตอนต่อๆ ไปได้ง่ายขึ้น
ผู้พัฒนา Learning Object ควรกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าเมื่อเรียนรู้จาก
Learning Object นี้แล้ว
นักเรียนจะมีพฤติกรรมอย่างไร เช่น สามารถอธิบายแนวคิดได้ สามารถแก้โจทย์ปัญหาได้
สามารถสร้างแบบจำลองได้ เป็นต้น ในทางปฏิบัติ
เมื่อเลือกหัวข้อได้แล้ว มีผู้พัฒนา Learning Object จำนวนไม่น้อยที่ดำเนินการออกแบบและสร้างสื่อเลยโดยไม่ได้กำหนดผลการเรียนรู้ที่คาดหวังก่อน
ในกรณีนี้ลักษณะของผลงานที่สร้างขึ้นจะเป็นปัจจัยกำหนดการนำไปใช้ประโยชน์
ซึ่งในบางครั้งอาจใช้ประโยชน์ได้จำกัด
เนื่องจากไม่ได้กำหนดความต้องการก่อนแล้วจึงออกแบบ Learning Object ให้ตอบสนองต่อความต้องการได้เต็มที่
2 . ออกแบบ
คำถามหลักในขั้นตอนการออกแบบคือ Learning Object จะมีบทบาทอย่างไรบ้าง
ในการทำให้นักเรียนบรรลุผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง คำตอบของคำถามนี้จะช่วยให้สามารถกำหนดรูปแบบการนำเสนอใน
Learning Object ได้อย่างเหมาะสม
ลองพิจารณาบทบาทของ Learning Object ต่อไปนี้
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
|
บทบาท Learning Object
|
รูปแบบ Learning Object
|
นักเรียนสามารถอธิบาย
วิวัฒนาการของดาวฤกษ์
|
ถ่ายทอดแนวคิดแก่ผู้เรียน
โดยนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
|
ภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงบรรยาย
|
นักเรียนสามารถสำรวจ
ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงขนาดประชากรและระบุ ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงขนาด
ประชากรได้
|
นำเสนอข้อมูลที่หลากหลายในรูปแบบต่างๆ
กัน แล้วให้นักเรียนวิเคราะห์และแปลผล เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
|
ข้อมูลจำนวนประชากรสิ่งมีชีวิตหลายชนิด
ในช่วงเวลาต่างๆ พร้อมเครื่องมือสร้างกราฟ และแผนภูมิ
|
นักเรียนสามารถคำนวณหาเลขออกซิเดชันได้
|
สร้างทักษะ
|
เกมต่อสู้ที่ฝึกการคำนวณหาเลขออกซิเดชัน
|
นักเรียนสามารถอภิปรายเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
|
ประเมินผล
|
นำเสนอสถานการณ์ความขัดแย้งเกี่ยวกับการสร้างเขื่อน
ระบุให้นักเรียนเขียนรายงานข่าว และแสดง ความคิดเห็นในประเด็นปัญหา
พร้อมรายการเว็บไซต์ที่เป็นไฮเปอร์ลิงค์ ให้สืบค้นข้อมูลในประเด็นที่เกี่ยวข้อง
|
เมื่อกำหนดบทบาทของ Learning Object ได้แล้ว ลำดับต่อไป คือ การออกแบบ
ในขั้นตอนนี้ผู้พัฒนาLearning Object ต้องตัดสินใจในหลายๆ ประเด็น เช่น
จะกระตุ้นความสนใจของนักเรียนด้วยวิธีการใด จะกำหนดให้ผู้เรียนทำกิจกรรมอะไรบ้าง
หรือเพียงรับข้อมูลที่นำเสนอเท่านั้น การนำเสนอข้อมูลจะใช้รูปแบบใด
เมื่อพิจารณาและตัดสินใจในประเด็นต่างๆ ข้างต้นแล้ว ผู้พัฒนา Learning
Object สามารถเรียบเรียงแนวคิด
ร่วมงาน หรือผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมพัฒนางาน ชิ้นนี้ร่วมกัน การนำเสนอแนวความคิดที่ออกแบบขึ้นทำได้หลายรูปแบบ รูปแบบหนึ่งคือ storyboard ซึ่งเป็นการเขียนบรรยายลักษณะภาพ เสียง การเคลื่อนไหวที่ต้องการในแต่ละลำดับการนำเสนอ เหมาะสำหรับ Learning Object ที่นำเสนอข้อมูลด้วยลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน ส่วน Learning Object ที่มีลำดับการนำเสนอไม่แน่นอน มีการเขียนโปรแกรมให้ตอบสนองต่อการตัดสินใจ หรือความสามารถของผู้เรียน ผู้ออกแบบอาจนำเสนอแนวคิดที่ออกแบบไว้ในรูปแบบของ flowchart หรือแผนผังโครงสร้างในลักษณะที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามควรเขียนข้อความที่จะใช้จริง รวมทั้งกำหนดลักษณะของรูปภาพ เสียง และสื่อประสมอื่นๆ ที่จะใช้ให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถถ่ายทอดแนวคิดที่มีให้ผู้อื่นเข้าใจได้ด้วย โครงร่างแนวคิดการนำเสนอ Learning Object ที่เขียนขึ้นนี้ ควรได้รับการตรวจแก้จากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาก่อนจะดำเนินการสร้างต่อไป
ร่วมงาน หรือผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมพัฒนางาน ชิ้นนี้ร่วมกัน การนำเสนอแนวความคิดที่ออกแบบขึ้นทำได้หลายรูปแบบ รูปแบบหนึ่งคือ storyboard ซึ่งเป็นการเขียนบรรยายลักษณะภาพ เสียง การเคลื่อนไหวที่ต้องการในแต่ละลำดับการนำเสนอ เหมาะสำหรับ Learning Object ที่นำเสนอข้อมูลด้วยลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน ส่วน Learning Object ที่มีลำดับการนำเสนอไม่แน่นอน มีการเขียนโปรแกรมให้ตอบสนองต่อการตัดสินใจ หรือความสามารถของผู้เรียน ผู้ออกแบบอาจนำเสนอแนวคิดที่ออกแบบไว้ในรูปแบบของ flowchart หรือแผนผังโครงสร้างในลักษณะที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามควรเขียนข้อความที่จะใช้จริง รวมทั้งกำหนดลักษณะของรูปภาพ เสียง และสื่อประสมอื่นๆ ที่จะใช้ให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถถ่ายทอดแนวคิดที่มีให้ผู้อื่นเข้าใจได้ด้วย โครงร่างแนวคิดการนำเสนอ Learning Object ที่เขียนขึ้นนี้ ควรได้รับการตรวจแก้จากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาก่อนจะดำเนินการสร้างต่อไป
3. สร้าง
การสร้าง Learning Object ในบางรูปแบบใช้ทักษะทางคอมพิวเตอร์หลายด้าน เช่น
การเขียน โปรแกรม การจัดการภาพและเสียง หากผู้พัฒนา Learning Object ไม่มีทักษะเหล่านี้อาจขอความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจากสถาบันการศึกษาในท้องถิ่น
ส่วนในกรณีที่ต้องการดำเนินการสร้าง Learning Objectด้วยตนเอง ก็สามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปสร้างเอกสาร Word
เอกสาร PowerPoint หรือ เว็บเพจ ที่ประกอบด้วยข้อความ รูปภาพ
เสียง ภาพเคลื่อนไหว และไฮเปอร์ลิงค์
โดยมีข้อควรคำนึงเกี่ยวกับรูปแบบการนำเสนอบนหน้าจอ ดังนี้
- ใช้เครื่องหมายและรูปแบบคำสั่งที่เข้าใจกันทั่วไป เช่น ลูกศรชี้ไปทางขวา
สำหรับการไปหน้าถัดไป ลูกศรชี้ไปทางซ้าย สำหรับการย้อนกลับไปหน้าเดิม
แสดงภาพมือชี้เมื่อลากเมาส์ไปเหนือไฮเปอร์ลิงค์
- ใช้รูปแบบการนำเสนอที่เป็นระบบระเบียบ เช่น หัวข้อในระดับเดียวกัน
ควรใช้อักษรที่มีสีเดียวกันและขนาดเท่ากัน
หรือใช้สีพื้นสีเดิมสำหรับกิจกรรมการเรียนการสอนใน รูปแบบเดียวกัน ตัวอย่างเช่น
ใช้สีพื้นสีขาวเมื่อให้ข้อมูล สีฟ้าอ่อนในส่วนของกิจกรรมที่นักเรียนทำ
- เมื่อนำเสนอด้วยข้อความ ใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่พอสมควร
ไม่จัดย่อหน้าให้บรรทัดยาวเกินไป
บทเรียนสำหรับเด็กเล็กอาจพิจารณาเปลี่ยนข้อความยาวๆ เป็นเสียงบรรยาย
4. ทดสอบ
เมื่อดำเนินการสร้าง Learning Object สำเร็จลง
ควรมีการตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนนำไปใช้จริงในห้องเรียน การทดสอบทำได้ใน 2 ระดับ ได้แก่
การทดลองใช้ในการเรียนการสอนและการทดลองใช้งาน การทดลองใช้ในการเรียนการสอน
เป็นการตรวจสอบว่านักเรียนเข้าใจวิธีการสื่อสารที่ใช้ใน Learning Object หรือไม่ และ Learning Object นั้นๆ
สามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียนได้เพียงใด
ในการทดสอบอาจให้นักเรียนทำแบบทดสอบหรือกิจกรรมสั้นๆ เพื่อประเมินว่า หลังจากใช้ Learning
Object แล้วนักเรียนส่วนใหญ่บรรลุผลการเรียนรู้ที่คาดหวังหรือไม่ การทดลองใช้งาน เป็นการตรวจสอบว่า Learning
Object ที่สร้างขึ้นมีข้อผิดพลาดใดๆ
หรือไม่ ควรตรวจสอบความถูกต้องของการพิมพ์ข้อความ
ตรวจสอบการทำงานของส่วนประกอบต่างๆ ใน object เช่น ไฮเปอร์ลิงค์ ภาพเคลื่อนไหว
นอกจากนั้นควรทดสอบว่า Learning Object นั้นทำงานในคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นทุกแบบหรือไม่ เมื่อนำเสนอบนจอขนาดต่างๆ
ภาพและข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอผิดเพี้ยนหรือเปลี่ยนตำแหน่งไปอย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น